บาคาร่า(Baccarat)

สำหรับกฎการเล่นบาคาร่านั้นมีความแตกต่างกันออกไปในแตละประเภท เช่น สำหรับบาคาร่าแบบทางรถไฟ การตัดสินใจของผู้เล่นแต่ละคนอาจส่งผลต่อผลแพ้ชนะของตน แต่บาคาร่าแบบปันโตแบนโคนั้นทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับดวงเท่านั้น ทักษะที่เก่งกาจหรือกลยุทธ์อันแยบยลของผู้เล่นอาจจะไม่สามารถนำชัยชนะมาสู่พวกเขาได้ แต่เนื่องจากว่าบาคาร่าแบบปันโตแบนโคเป็นประเภทที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน จึงขออธิบายกฎกติกาการเล่นบาคาร่าประเภทนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

วิธีเล่น “บาคาร่า” แบบ “ปันโตแบนโค”       

  เริ่มแรกเจ้ามือและผู้เล่นจะต้องวางเงินพนันก่อนโดยทายว่าไพ่ของฝั่งไหนจะมีค่าใกล้เคียง 9 มากที่สุด ซึ่งจะสามารถทายว่าเสมอกันก็ได้ จากนั้นดีลเลอร์ก็จะแจกไพ่ 2 ใบให้ทั้งสองฝั่ง ไพ่ฝั่งที่ชนะจะเป็นไพ่ที่มีผลบวกรวมกันมากที่สุด หากผลบวกไพ่มีค่าตั้งแต่ 10 ขึ้นไป ให้นับเฉพาะเลขหลักหน่วยเท่านั้น เช่น 4+7 = 11 หมายความว่าไพ่ฝั่งนี้จะมีค่าเท่ากับ 1  ในการเล่นบาคาร่าแบบปันโตแบนโค ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าไพ่แต่ละใบมีค่าเท่าไร ไพ่เอซ (A)จะมีค่าเท่ากับ 1 แต้ม ไพ่ 2-9 จะมีค่าตามหน้าไพ่ ส่วนไพ่ 10 แจ็ค(J) แหม่ม(Q) และคิง(K)จะมีค่าเท่ากับ 0 แต้ม ส่วนสีของไพ่นั้นไม่มีผลต่อการนับคะแนน

โดยปกติแล้วไพ่ฝั่งที่ชนะมักจะมีค่าเท่ากับ 9 หรือ 8 ซึ่งเรียกว่า “natural hand” และจะไม่มีการแจกไพ่เพิ่ม แต่หากไม่มีไพ่ฝั่งไหนที่เป็นไปตามกฎข้อดังกล่าว จะมีการแจกไพ่ใบที่สาม ซึ่งมักจะมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนและแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับคาสิโนแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีกฎการแจกไพ่ใบที่สามที่ใช้กันโดยทั่วไป ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

• หากไพ่ฝั่งผู้เล่นมีค่าเท่ากับ 6 หรือ 7 ฝั่งผู้เล่นจะไม่ได้จับไพ่ใบที่สาม และเจ้ามือจะมีสิทธิ์จับไพ่ใบที่สาม แต่ต้องเป็นกรณีที่ไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 5 เท่านั้น
• หากไพ่ฝั่งผู้เล่นมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 5 ฝั่งผู้เล่นจะได้จับไพ่ใบที่สาม

          ถ้าฝั่งผู้เล่นได้หยิบไพ่ใบที่สาม เจ้ามือก็จะได้รับสิทธิ์นั้นเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าไพ่ใบที่สามของฝั่งผู้เล่นและไพ่สองใบแรกของเจ้ามือมีค่าเท่าไร

• หากไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 2 เจ้ามือจะได้จับไพ่ใบที่สามทันที
• หากไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่าเท่ากับ 3 และไพ่ใบที่สามของฝั่งผู้เล่นไม่ได้มีค่าเท่ากับ 8 เจ้ามือจะได้จับไพ่ใบที่สาม
• หากไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่าเท่ากับ 4 และไพ่ใบที่สามของฝั่งผู้เล่นไม่ได้มีค่าเท่ากับ 0, 1, 8 และ 9 เจ้ามือจะได้จับไพ่ใบที่สาม
• หากไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่าเท่ากับ 5 และไพ่ใบที่สามของฝั่งผู้เล่นมีค่าตั้งแต่ 4 ถึง 7 เจ้ามือจะได้จับไพ่ใบที่สาม
• หากไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่าเท่ากับ 6 และไพ่ใบที่สามของฝั่งผู้เล่นมีค่าตั้งแต่ 6 ถึง 7 เจ้ามือจะได้จับไพ่ใบที่สาม
• หากไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่าเท่ากับ 7 เจ้ามือจะไม่ได้จับไพ่ใบที่สาม

          และเมื่อการแจกไพ่เสร็จสิ้นแล้วก็จะต้องเปิดไพ่ทั้งหมดของแต่ละฝั่งเพื่อดูว่าไพ่ของฝั่งไหนมีค่ามากกว่ากัน ผู้ที่ทายถูกจะเป็นฝ่ายชนะและได้เงินไป

หลังจากที่รู้ผลแพ้ชนะแล้วก็ถึงขั้นตอนการแจกเงินและเสียเงินพนันตามอัตราต่อรองอ๊อด (winning odds) ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

• หากทายว่าไพ่ฝั่งผู้เล่นหรือฝั่งเจ้ามือมีค่ามากกว่า แต่ไพ่ออกมาเสมอกัน จะได้เงินพนันทั้งหมดคืน
• หากทายว่าไพ่ฝั่งผู้เล่นมีค่ามากกว่า และไพ่ฝั่งผู้เล่นมีค่ามากกว่า จะได้เงินพนันคืนทั้งหมดพร้อมกับเงินรางวัลในจำนวนที่เท่ากัน แต่หากทายว่าไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่ามากกว่าก็จะต้องเสียเงินตามที่ตนวางไว้
• หากทายว่าไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่ามากกว่า และไพ่ฝั่งเจ้ามือมีค่ามากกว่า จะได้เงินพนันคืนทั้งหมดพร้อมกับเงินรางวัลจำนวน 95% ของเงินที่วางไว้ เช่น หากวางเงินพนันไว้ 100 บาท จะได้เงิน 100 คืนพร้อมกับเงินรางวัล 95 บาท รวมเป็น 195 บาท ซึ่งเงิน 5% ที่ถูกหักไปจะกลายเป็นค่าธรรมเนียม (commission) เพื่อเป็นการคืนกำไรให้แก่คาสิโน แต่หากทายว่าไพ่ฝั่งผู้เล่นมีค่ามากกว่าก็จะต้องเสียเงินตามที่ตนวางไว้
• หากทายว่าไพ่ทั้งสองฝั่งเสมอกัน และไพ่ออกมาเสมอกัน จะได้เงินรางวัลจำนวน 8 หรือ 9 เท่าของเงินพนันที่วางไว้ตอนต้น แต่หากทายผิดก็จะต้องเสียเงินตามจำนวนดังกล่าวเช่นกัน เพราะฉะนั้นผู้เล่นจึงมักหลีกเลี่ยงที่จะทายว่าเสมอกัน

นอกจากนี้ บาคาร่าแบบปันโตแบนโคยังสามารถแบ่งได้อีกเป็น 2 ประเภทตามขนาดโต๊ะ ได้แก่ แบบโต๊ะใหญ่และโต๊ะเล็ก สำหรับบาคาร่าแบบโต๊ะใหญ่อาจจะมีผู้เล่นได้มากที่สุดถึง 14 คน ซึ่งดีลเลอร์จะเป็นผู้สับไพ่และแจกให้ผู้เล่นแต่ละคนตามเข็มนาฬิกา ส่วนบาคาร่าแบบโต๊ะเล็กจะเล่นกันในคาสิโนออนไลน์เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้เล่นมีหน้าที่แค่วางเงินพนันเท่านั้น